เรียนรู้ขั้นตอนสำคัญของการเก็บเกี่ยวและแปรรูปเมล็ดกาแฟ พร้อมแนะนำ Ecotact บรรจุภัณฑ์ที่ช่วยรักษาคุณภาพ ป้องกันความชื้น และสิ่งปนเปื้อน เพื่อรสชาติที่ดีที่สุด
ขั้นตอนการเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟมีผลโดยตรงต่อคุณภาพของกาแฟที่เราดื่ม การเลือกเก็บผลเชอร์รี่ที่สุกเต็มที่ และผ่านกระบวนการแปรรูปที่เหมาะสม จะช่วยดึงศักยภาพของเมล็ดกาแฟออกมาอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม การดูแลรักษาคุณภาพของเมล็ดกาแฟไม่ได้จบเพียงแค่การแปรรูป แต่ยังรวมถึงการจัดเก็บเมล็ดกาแฟเพื่อรักษาความสดใหม่และคงคุณภาพระหว่างการขนส่งจนถึงโรงคั่ว ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักทุกขั้นตอนสำคัญ ตั้งแต่การคัดสรรเมล็ดกาแฟจากไร่ การดูแลระหว่างกระบวนการแปรรูป ไปจนถึงการจัดเก็บอย่างถูกต้อง พร้อมแนะนำบรรจุภัณฑ์ Ecotact ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องคุณภาพของเมล็ดกาแฟให้ดีที่สุด โดยช่วยป้องกันความชื้น คงความสดใหม่ และรักษารสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเมล็ดกาแฟตลอดกระบวนการขนส่ง
ลักษณะของกาแฟที่ดีและการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม
ผลกาแฟที่เราเรียกว่า “เชอร์รี่กาแฟ” จะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลืองหรือแดงเมื่อสุกเต็มที่ เมล็ดกาแฟที่เรานำมาใช้จริงๆ ซ่อนอยู่ภายในเชอร์รี่เหล่านี้ การเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมต้องอาศัยการเลือกเก็บเฉพาะผลที่สุกเต็มที่ มีสีแดงสดใส ซึ่งโดยส่วนใหญ่อาศัยแรงงานคนในการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน เพราะหากเก็บผลที่ยังไม่สุกหรือสุกเกินไป อาจทำให้รสชาติของกาแฟไม่สมบูรณ์แบบ
กระบวนการแปรรูปเมล็ดกาแฟขั้นตอนที่ส่งผลต่อรสชาติ
หลังการเก็บเกี่ยว เมล็ดกาแฟจะต้องผ่านกระบวนการแปรรูปเพื่อเปลี่ยนจากเชอร์รี่กาแฟให้เป็นเมล็ดกาแฟดิบ(Green Bean) หรือกาแฟสารที่พร้อมสำหรับการคั่ว การแปรรูปนี้ไม่เพียงแค่แยกเมล็ดออกจากผลเชอร์รี่ แต่ยังมีผลโดยตรงต่อรสชาติ กลิ่น และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของกาแฟแต่ละแก้ว
ประเภทของกระบวนการแปรรูปกาแฟ
กระบวนการแปรรูปกาแฟสามารถแบ่งออกเป็นหลายรูปแบบ โดยแต่ละแบบมีผลต่อโปรไฟล์รสชาติที่แตกต่างกันไป ดังนี้
1. กระบวนการแบบเปียก (Washed Process)
เชอร์รี่กาแฟจะถูกนำมาปอกเปลือก เพื่อแยกเนื้อออกจากเมล็ด จากนั้นหมักเมล็ดที่ยังคงมีเมือกติดอยู่ในน้ำเป็นเวลา 12-48 ชั่วโมงเพื่อลดเมือกที่ติดอยู่กับเมล็ดจนหมด จากนั้นจึงล้างและตากแห้งจนความชื้นเหลือประมาณ 10-12% กาแฟที่ได้จากกระบวนการนี้จะมีรสชาติสะอาด สดใส และมีความเป็นกรด(Acidity) ที่โดดเด่นชัดเจน
2. กระบวนการแบบแห้ง (Natural Process)
วิธีนี้เชอร์รี่กาแฟจะถูกตากแห้งทั้งผลโดยไม่ปอกเปลือกบนแคร่หรือลานคอนกรีต และพลิกกลับอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการเน่าเสีย เมื่อเชอร์รี่แห้งสนิท ก่อนนำไปกะเทาะหรือสีเปลือกออก เมล็ดกาแฟที่ได้จากวิธีนี้มักมีรสชาติหวาน หอมกลิ่นผลไม้ และมีบอดี้ที่เข้มข้น
3. กระบวนการแบบกึ่งเปียก (Honey Process)
Honey Process คือการผสมผสานระหว่างกระบวนการแบบเปียกและแบบแห้ง เชอร์รี่กาแฟจะถูกปอกเปลือกออก แต่ยังคงเหลือเมือกบางส่วนติดอยู่กับเมล็ดก่อนนำไปตากแห้ง ระดับของเมือกที่เหลืออยู่จะส่งผลต่อรสชาติ เช่น White Honey, Yellow Honey และ Black Honey โดยกาแฟที่ได้จะมีความสมดุลระหว่างความหวาน ความสดใส และบอดี้ที่นุ่มลึก
การจัดเก็บเมล็ดกาแฟดิบก่อนถึงโรงคั่ว

เมล็ดกาแฟดิบ หรือ Green Bean ที่ผ่านกระบวนการแปรรูปแล้ว ถือเป็นวัตถุดิบที่สำคัญมากในการทำกาแฟ เมล็ดกาแฟดิบ หรือกาแฟสารจึงต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมเพื่อรักษาคุณภาพและความสดใหม่ก่อนนำไปคั่ว ซึ่งการจัดเก็บเมล็ดกาแฟมีความสำคัญไม่แพ้ขั้นตอนอื่น ๆ เพราะหากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง อาจทำให้เมล็ดกาแฟเกิดความเสียหายทางกายภาพ การเก็บเมล็ดกาแฟไม่ดีจะทำให้กาแฟสารดูดซับความชื้นหรือกลิ่นจากสิ่งแวดล้อม อาจทำให้เกิดการเน่าเสีย หรือราขึ้น ส่งผลต่อรสชาติและกลิ่นของกาแฟในภายหลัง นอกจากนี้ ความร้อน และการได้รับแสง ที่ไม่เหมาะสมยังอาจทำให้สารประกอบในเมล็ดกาแฟเสื่อมคุณภาพก่อนถึงกระบวนคั่ว ปัจจัยเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่อกลิ่นหอมและรสชาติของกาแฟในขั้นตอนการคั่ว ดังนั้นการเลือกบรรจุภัณฑ์ที่สามารถป้องกันปัจจัยเหล่านี้ได้จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก
ทำไมต้องเลือก Ecotact ในการจัดเก็บเมล็ดกาแฟ?

Ecotact เป็นบรรจุภัณฑ์นวัตกรรมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อช่วยรักษาคุณภาพของเมล็ดกาแฟไว้ให้ยาวนาน และช่วยป้องกันการปนเปื้อนและควบคุมสภาพแวดล้อมรอบตัวกาแฟสารในระหว่างการจัดเก็บและขนส่ง โดย Ecotact มีคุณสมบัติเด่นดังนี้:
1. ป้องกันความชื้นและอากาศ
Ecotact ใช้วัสดุหลายชั้นที่สามารถป้องกันออกซิเจนและการซึมของไอน้ำ ป้องกันปฏิกิริยา Oxidation รักษาความชื้นให้กับเมล็ดกาแฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยรักษาความสดใหม่ของเมล็ดกาแฟและมีคุณภาพ
2. ทนทานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
วัสดุของ Ecotact ปราศจากสารเคมีอันตราย แข็งแรงทนทานต่อการขนส่งในระยะทางไกล และยังสามารถให้รีไซเคิลนำกลับมาใช้ใหม่เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
3. ลดกลิ่นและป้องกันการปนเปื้อน
ด้วยความหนาของถุงถึง 9 ชั้น Ecotact ใช้ได้กับทุกสภาพอากาศ ไม่ว่าสภาพอากศที่มีแดด หรือฝนตก และช่วยป้องกันไม่ให้กลิ่นรบกวนจากภายนอกเข้าสู่เมล็ดกาแฟ ป้องกันมอดและแมลง จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่มีสิ่งปนเปื้อนหรือสิ่งแปลกปลอม เข้าไปทำลายคุณภาพของเมล็ดกาแฟดิบหรือบรรจุได้
4. ความสะดวกในการใช้งาน
ด้วยดีไซน์ที่ใช้งานง่าย Ecotact ทำให้เกษตรกรและโรงคั่วสามารถใช้งานได้อย่างสะดวก ทั้งในด้านการบรรจุและการขนส่ง
สรุป
การผลิตกาแฟคุณภาพสูงต้องอาศัยความใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเก็บเกี่ยวเชอร์รี่กาแฟที่สุกเต็มที่ การเลือกกระบวนการแปรรูปที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นแบบเปียก แห้ง หรือกึ่งเปียก ซึ่งล้วนมีผลต่อโปรไฟล์รสชาติและเอกลักษณ์ของกาแฟ ไปจนถึงการจัดเก็บเมล็ดกาแฟดิบ (Green Bean) อย่างพิถีพิถัน สภาพแวดล้อมในการจัดเก็บเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยรักษาคุณภาพของเมล็ดกาแฟก่อนเข้าสู่กระบวนการคั่ว หากคุณกำลังมองหาบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยรักษาคุณภาพกาแฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันความชื้น ปฏิกิริยาออกซิเดชัน อากาศ มอด แมลง แสง และสิ่งปนเปื้อน พร้อมทั้งมีความแข็งแรง ทนทาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บรรจุภัณฑ์ Ecotact จาก Peaberrythai คือทางเลือกที่ตอบโจทย์และช่วยรักษาคุณภาพกาแฟของคุณได้อย่างยอดเยี่ยม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Line OA : https://bit.ly/3mHCR3A
Inbox : m.me/peaberrythai
Tel : 02-681-2424